ตั้งเป้าหมายสู่ความสำเร็จในปีใหม่ใหม่
*'เดินตามถนนผู้คนมากมายไม่มีรอยยิ้ม หลายคนก็ดูเหน็ดเหนื่อย
แต่กลับไม่เป็นตามใจที่ต้องการ เราเองก็น้อยใจกับชะตาตัวเองแบบนั้น
เฝ้าถามตัวเองตลอดเมื่อไรจะดีเหมือนคนทั่วไป...'
เพลงหนึ่งที่มักจะเปิดในช่วงปีใหม่ ดังแว่วผ่านหูเข้ามาอีกครั้ง ทำให้นึกถึงว่า ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมาแล้วนะ… และเมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ทีไร เรามักจะเฉลิมฉลองกันอย่างรื่นเริง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เฝ้าฝันเช่นกันคือ เรื่องราวใหม่ๆ และสิ่งดีๆ ที่หวังให้เกิดขึ้นพร้อมปีใหม่ที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้านี้
ต้องขอออกตัวก่อนว่า นี่ไม่ใช่การเขียนเพื่อพร่ำเพ้อน้อยใจในโชคชะตา ไม่ใช่การเขียนเพื่อชักจูงให้คล้อยตาม ทั้งยังไม่ใช่การเขียนเพื่อเป็นการให้กำลังใจ แต่เพียงหวังให้เห็นคุณค่า และตั้งมั่นในเป้าหมายของชีวิต
ใช่... เรากำลังพูดกันถึงเป้าหมาย แล้วเป้าหมายของคุณคืออะไร?
คุณรู้ไหม? คนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนมีเป้าหมายในชีวิตทั้งนั้น
เอาล่ะ... ปีใหม่นี้ถือเป็นโอกาสดีๆ ในการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ เพราะการเริ่มต้นปีมักถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในชีวิต เพราะทุกคนดูจะมีพลังงานบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมาอย่างประหลาดในช่วงนี้ หากเราเฝ้าหวังว่าปีถัดไปจะเป็นปีใหม่ในชีวิตของเรา หลายสิ่งหลายอย่างจะต้องดีขึ้น เมื่อเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะให้มีปีใหม่ในชีวิตแล้ว จะดีกว่าไหมหากเราเริ่มต้นจากตอนนี้เลย ไม่พลัดวันเวลาอีก เคยได้ยินคำนี้มั้ย? "ช้าไปจะไม่ทันการ" ดังนั้น ในการสร้างหรือปูพื้นฐานให้กับสิ่งดีๆ ในปีต่อไป ลองมองหาจุดเด่นที่คุณมี พร้อมพัฒนาจุดด้อยที่เจอ แล้วมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่คุณตั้งใจให้สุดพลัง!
หากยังไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่รู้จะกำหนดชีวิตตัวเองไปทางไหน คุณควรมองหาและตั้งเป้าหมายในชีวิตนับแต่นี้ เพราะเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเลือกความเป็นไปได้ ที่จะนำไปสู่การทำกิจกรรมต่างๆ ที่มุ่งไปยังบางสิ่งที่คนเราเห็นว่าสำคัญหรือมีความหมายต่อชีวิต โดยคุณอาจเริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในชีวิตอย่างจริงจัง เพื่อเป้าหมายใหญ่ๆ พร้อมกับลงมือทำ เมื่อไปถึงเป้าหมายแล้ว แน่ล่ะ ความสำเร็จหอมหวานเสมอ แต่สิ่งที่ดีกว่านั้น คือ ความสุขในการลงมือทำและความภูมิใจที่ได้ทำมันออกมาต่างหาก
อย่างที่เขาพูดกันว่า "จุดหมายปลายทาง ไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง"
แต่ก่อนที่เราจะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างทางหรือความสำเร็จ เมื่อไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ในท้ายที่สุด หากใครกำลังสับสนหรือไม่รู้จะกำหนดเป้าหมายในชีวิตอย่างไร ลองมาดูวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้
1. เริ่มวางแผนสู่เป้าหมาย เริ่มค้นหาสิ่งที่มีความหมายสำหรับคุณ มองหาสิ่งต่างๆ ที่คุณอยากเปลี่ยนแปลงในชีวิต และเริ่มเขียนเป็นเป้าหมายก่อน โดยอาจเริ่มจากเรื่องทั่วๆ ไป เช่น การเปลี่ยนแปลงตนเอง การศึกษา หน้าที่การงาน ครอบครัว สถานะทางการเงิน และสุขภาพ ซึ่งต้องคำนึงถึงประเด็นที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในขั้นตอนนี้ หากเป้าหมายที่คุณเขียนลงไป ยังไม่ค่อยเจาะจง ก็ไม่เป็นไร เช่น อาจเขียนว่า “ออกกำลังกายมากขึ้น” หรือ “ไปเที่ยวต่างประเทศ” ส่วนในแง่ความสัมพันธ์ คุณอาจเขียนแค่ “ใช้เวลากับคนรักมากขึ้น” หรือ “มองหาเพื่อนใหม่ๆ” และในแง่การพัฒนาตัวเอง ก็อาจเขียนแค่ว่า “ไปเรียนทำอาหาร”
2. ระบุตัวตนในอุดมคติของคุณ ลองจินตภาพตัวเองที่ประสบความสำเร็จแล้วในอนาคต แล้วพิจารณาดูว่าการจะเป็นเช่นนั้นได้จริง ต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง โดยพยายามนึกถึงสิ่งที่มีความหมายต่อคุณ อย่าไปนึกถึงสิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จนั้นๆ แล้วเขียนรายละเอียดคุณสมบัติที่จำเป็น ต่อการไปถึงภาพในจินตนาการ
3.จัดลำดับความสำคัญ โดยแยกเป้าหมายออกเป็น 3 หมวด คือ เป้าหมายหลัก เป้าหมายระดับสอง และเป้าหมายระดับสาม โดยเป้าหมายรวม จะเป็นเป้าหมายในภาพรวมและสำคัญที่สุด ส่วนเป้าหมายระดับสองและสาม เป็นเป้าหมายที่แม้ว่าจะสำคัญ แต่ถือว่าเป็นรองเป้าหมายหลัก เช่น เป้าหมายหลักของคุณอาจจะเขียนเป็น 'การเสริมสร้างสุขภาพ (สำคัญสุด) หรือ 'ท่องเที่ยวต่างประเทศ (สำคัญสุด)' หรือ 'มีเงินเก็บหลักสิบล้านขึ้นไป มีชีวิตอยู่อย่างสบาย (สำคัญสุด)' ส่วนในเป้าหมายระดับสอง อาจเขียนว่า 'ดูแลบ้านให้สะอาด ไปถ่ายรูปกับที่ท่องเที่ยวสวยๆ ทานอาหารคลีนทุกวัน' หรือ 'ทำเงินต่อเดือนให้ได้มากขึ้น ประหยัดและพอเพียง' และสุดท้ายเป้าหมายระดับสาม คือ 'ขยันทำงาน ออกกำลังกาย เรียนทำกับข้าว' ซึ่งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า การแยกเป้าหมายย่อยออกมา นอกจากจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายหลักง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณสนุกกับมันอีกด้วย
4. กำหนดทักษะที่จำเป็นต้องพัฒนาให้ดีขึ้น ในกรณีที่เป้าหมายมีหลายขั้นตอน คุณอาจจะไม่สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้ไปพร้อมๆ กันในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น คุณควรเขียนออกมาดูว่า มีทักษะใดบ้างที่คุณอาจแค่ต้องพัฒนาเพิ่มเล็กน้อย และทักษะอะไรที่ต้องเริ่มจากศูนย์ โดยอ้างอิงจากหัวข้อ 'ตัวตนในอุดมคติ' นั่นเอง
5. กำหนดเวลาให้กับเป้าหมาย ควรมีระยะเวลากำหนดที่แน่นอน เช่น เราจะทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จภายในปีหน้า ภายใน 2 ปี หรือ 5 ปี ควรระบุลงไปให้แน่นอน เพราะระยะเวลาจะเป็นตัวช่วย เป็นแรงผลักดันให้เรามีความกระตือรือล้นที่จะลงมือปฏิบัติ
6. ระบุอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น หรือระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ถึงแม้จะไม่มีใครอยากได้ยินคำนี้ หรือเผชิญหน้ากับมันก็ตาม แต่อย่างน้อย มันจะช่วยให้คุณสามารถป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในแต่ละขั้นตอน หากคุณระบุหรือคาดการณ์อุปสรรคไว้ล่วงหน้า ก็จะมีโอกาสก้าวผ่านมันไปได้ง่ายขึ้น
7. ลงมือปฏิบัติ 6 ขั้นตอนง่ายๆ ข้างต้น อาจช่วยให้คุณมองเห็นตัวเองในอนาคตข้างหน้า ตัวตนที่ประสบความสำเร็จ พร้อม และดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายด้วยความมุ่งมั่นและรอบคอบ ตามแผนชีวิตที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายโดยทั่วๆ ไป เรื่องเล็กๆ ไปจนเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของคุณ แต่ท้ายที่สุด ไม่มีความสำเร็จใด เกิดขึ้นได้โดยปราศจากการลงมือทำ ถ้าเขียนแล้วก็เก็บ จนลืมไป ไม่เคยเอามาใช้ ต่อให้กำหนด หรือวางแผนดำเนินการไปตามเป้าหมายไว้ดีแค่ไหน คุณก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น อย่ารีมัวรอที่จะลงมือทำให้สำเร็จ!
*'อย่าท้อกันเลยหาทางใหม่ๆ ไม่ว่าปีนี้ หรือว่าปีไหนต้องดีกว่าเดิม หากเราล้มจงยืนเรี่ยวแรงยังมี อย่าเก็บไปคิดแล้วไม่ต้องใส่ใจ...'
อีกหนึ่งสิ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมาย คือ อย่าลืมคิดบวก มองโลกในแง่ดี ลองมองรอบตัว แล้วเก็บเกี่ยวความสุขข้างทางในแต่ละวันที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มองหาสิ่งดีที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่จมอยู่กับความทุกข์ที่เกิดขึ้นชั่วขณะ เพราะอาจส่งผลให้เกิดความทุกข์ในระยะยาว มองโลกในแง่ดีบ้าง กว่าจะรู้ตัวอีกที เมื่อคุณไปถึงเป้าหมาย คุณจะภาคภูมิใจ พร้อมรับรู้ได้ถึงความสุขและความสำเร็จอย่างเต็มเปี่ยมมากยิ่งขึ้น เพราะจริงๆ แล้ว ความสำเร็จมันมาจากสิ่งต่างๆ ที่เราเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆ ระหว่างทางของชีวิตด้วยเช่นกัน
หากปีที่ผ่านมาของคุณเป็นปีที่ไม่ดีนัก อย่ามัวแต่โทษโชคชะตา เพราะไม่มีฟ้าที่ไหนจะลิขิตชีวิตคุณได้นอกจากตัวคุณเอง ต้นทุนชีวิตของคนเราอาจไม่เท่ากัน หากคุณสำรวจแล้วมองเห็นความไม่เท่ากันของต้นทุนชีวิตระหว่างคุณกับคนอื่น อย่ามัวน้อยใจในโชคชะตา เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าต้นทุนชีวิต คือ ‘ความพยายาม’ หากคุณรู้จักการบริหารต้นทุนที่มี ผลกำไรในตอนสุดท้ายที่มาพร้อมความสำเร็จนั้น จะทำให้คุณภาคภูมิใจยิ่งกว่าคนที่มีต้นทุนสูง แต่ไม่รู้จักการบริหารชีวิตซะอีก เพราะต่อให้คุณมีต้นทุนชีวิตสูงลิ่วแค่ไหน แต่ไม่มีความพยายาม ไม่ขวนขวาย ไม่รู้จักการบริหารหรือการเลือกใช้ชีวิต ต้นทุนที่มีอยู่จากร้อยอาจหล่นลงมาเหลือแค่ศูนย์ก็เป็นได้ เพราะไม่มีอะไรงอกเงยขึ้นมาได้จากการนิ่งเฉย ดังนั้น หากคุณอยากเริ่มต้นชีวิตให้ดีในปีใหม่นี้ จงอย่าก้าวถอยหลังเข้าสู่ปีเก่าด้วยการหยุดอยู่กับที่ ในขณะที่คนอื่นกำลังก้าวไปสู่ปีใหม่ในชีวิตด้วยการพัฒนาตนเอง
มองตัวเอง กำหนดเป้าหมาย แล้วมุ่งไปสู่ปลายทางความสำเร็จนั้น และดังที่สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เคยกล่าวไว้ว่า "เวลาของคุณมีจำกัด อย่าเสียเวลาไปอยู่ในชีวิตของคนอื่น อย่าไปอยู่ในกฎ เพราะนั่นหมายถึงการใช้ชีวิตในผลลัพธ์ที่ผู้อื่นคิด อย่าให้เสียงของคนอื่นมาเอาชนะเสียงภายในตัวคุณ และสิ่งที่สำคัญที่สุด จงมีความกล้าพอที่จะตามสัญชาติญาณและใจของคุณ เพราะมันรู้อยู่แล้วว่า จริงๆ คุณต้องการจะเป็นอะไร สิ่งอื่นๆ คือ สิ่งที่รองลงไป…"
*'ให้เป็นปีสุดท้ายจะไม่ยอมให้เรื่องเลวร้ายทุกทีที่เจอซ้ำๆ ตอกย้ำข้างในหัวใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้า ตื่นขึ้นมามองที่ปลายฟ้าแล้วค่อยลองเดินอีกครั้ง ชีวิตยังมีความหวังในปีใหม่ๆ ...'
ไม่ผิดเลยที่คุณจะมุ่งหวังให้ปีใหม่เป็นปีที่ดีขึ้น การให้กำลังใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ การปฏิบัติก็เช่นกัน ดังนั้น นอกจากการให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ “ฉันเก่ง ฉันทำได้” จงเชื่อและมุ่งมั่นตามนั้น มนต์คำพูดยังใช้ได้ดีในทุกยุคสมัย
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมปีเก่าที่คุณผ่านมาไปซะทีเดียว เพราะปีเก่าที่ผ่านมา นับเป็น ‘ระหว่างทาง’ ที่คุณกำลังเดิน หนทางอาจขรุขระบ้าง แต่หากคุณไม่ลืมและตระหนักถึงเรื่องราวที่ผ่านมา มันจะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น เพราะปริมาณความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งดีๆ ที่ได้รับเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่มุมมองที่เรามีต่อสิ่งเหล่านั้น จงใช้มันเป็นแรงขับเคลื่อน ให้เป็นแรงผลักดัน เพราะนี่คือพลังงานเชื้อเพลิงชั้นดี ที่จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ ‘ปีใหม่ของชีวิต’ ได้อย่างมุ่งมั่นและเข้มแข็ง
"จงทำทุกวันให้เป็นเหมือนวันปีใหม่ แล้วคุณจะมีไฟและมุ่งมั่นเสมอ"
*เพลง ปีใหม่ใหม่ ศิลปิน: โรส ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ อัลบัม: Rose Show เนื้อร้อง/ทำนอง: แบงค์ วง Clash
About Author and Contributor
Comentarios